ในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย หน่วยงานด้านภาษีมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดเก็บรายได้เข้าสู่คลังของประเทศ โดยเฉพาะกรมสรรพสามิตและกรมสรรพากร ซึ่งแม้จะอยู่ภายใต้กระทรวงการคลังเหมือนกัน แต่ทั้งสองกรมมีหน้าที่และเป้าหมายที่แตกต่างกันชัดเจน กรมสรรพสามิตมุ่งเน้นการเก็บภาษีจากสินค้าและบริการบางประเภทเพื่อควบคุมพฤติกรรมการบริโภค ส่วนกรมสรรพากรมุ่งเน้นการเก็บภาษีจากรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยตรง การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กรมสรรพสามิต (Excise Department) เป็นหน่วยงานที่จัดเก็บ “ภาษีสรรพสามิต” ซึ่งเป็นภาษีทางอ้อมจากสินค้าและบริการเฉพาะ เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมัน รถยนต์ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล จุดประสงค์ของภาษีประเภทนี้นอกจากจะเพิ่มรายได้ให้รัฐแล้ว ยังช่วยควบคุมการบริโภคสินค้าที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังพัฒนาระบบภาษีดิจิทัล เช่น e-Excise เพื่อเพิ่มความสะดวกและโปร่งใสในการดำเนินงาน
กรมสรรพากร (Revenue Department) มีหน้าที่จัดเก็บภาษีจากรายได้ของบุคคลและนิติบุคคล เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยเน้นสร้างระบบภาษีที่เป็นธรรม โปร่งใส และทันสมัย กรมสรรพากรยังส่งเสริมให้ประชาชนยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ เช่น e-Filing และ e-Tax Invoice เพื่ออำนวยความสะดวก ลดการใช้เอกสาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ทั้งนี้ รายได้จากกรมสรรพากรถือเป็นรายได้หลักที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่อง